[Harry Potter and Everything has changed] OCx?
นิสัยชอบช่วยคนอื่นมักทำเธอเดือดร้อน และเธอจะไม่ขอช่วยใครอีก แต่โชคชะตา(หรือดัมเบิลดอร์)จะแกล้ง ทำให้ต้องมาพัวพันกับชะตาแฮร์รี่ แถมด้วยเดรโกจอมปากเสียอีก ขอเป็นตัวประกอบสงบๆไม่ได้หรือไง
ผู้เข้าชมรวม
221,371
ผู้เข้าชมเดือนนี้
532
ผู้เข้าชมรวม
HP DM harrypotter dracomalfoy oc romance tomriddle cedric cedricdiggory magic แฮร์รี่พอตเตอร์ Draco Hogwarts
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ขอบคุณข้อมูลจาก
http://harrypotter.wikia.com/wiki/Main_Page
ขอแปะรูปที่คมช.มานะคะ สวยงามตาแตกมากค่ะ โดยคุณนาราคนเก่ง @itsmenaraa ค่าาา
ส่วนรูปเดรโก ขอไรท์เก็บตังค์+คุณนาราคิวว่างนะคะ
Intro
“เธอชอบตัวละครตัวไหนเฟริน่า”
อันนาเพื่อนสนิทของเธอถามอย่างอยากรู้
ดวงตากลมโตสีฟ้าละจากวรรณกรรมแฮร์รี่
พอตเตอร์มาที่เด็กกำพร้าผมสีน้ำตาลสว่าง
“ขอคิดดูก่อนนะ”
เฟริน่าขมวดคิ้ว จากที่เธออ่านมาเจ็ดเล่ม
เด็กกำพร้าอย่างเธอด้วยนิสิยชอบช่วยคนอื่นก็ตอบอย่างไม่ลังเล “แฮร์รี่
พอตเตอร์” คำตอบของเธอเรียกเสียงหัวเราะคิกคักจากอันนา “มีอะไรน่าขำอันนา”
“ฉันว่าอยู่แล้วเชียว
แต่ฉันไม่ชอบเขาเลย หลังๆแฮร์รี่ดูงี่เง่าและเจ้าอารมณ์ สู้เดรโก
มัลฟอยก็ไม่ได้”
คำตอบของอันนาเด็กสาวผมดำทำให้เฟริน่าเพื่อนที่คบกันมาเจ็ดปีเต็มต้องขมวดคิ้ว
“เฮ้!
ได้ยังไง
ใครกันตอนแปดขวบแนะนำให้ฉันรู้จักหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์
แถมยังพูดชมเจ้าเด็กหัวแผลเป็นให้ฉันฟังไม่ขาด” เฟริน่าถาม
“ไม่รู้สิ ถึงเดรโกจะปากเสีย แต่ฉันว่าเขาก็น่ารักดีนะ” อันนาพลิกหนังสือเล่มหนา เธอจ้องมองตัวหนังสืออย่างหลงใหล คำพูดของเพื่อนรักทำให้เฟริน่าหัวเราะคิกคัก
..แต่โชคชะตาเหมือนจะแกล้งเสียอย่างนั้น.. เมื่อเธอถูกเพื่อนรักฆ่าตาย..
ฟื้นขึ้นมาอีกทีเธอก็ติดอยู่ในร่างแปดขวบอีกครั้ง ในบ้านมีกลิ่นกะหล่ำปลีคละคลุ้ง และหญิงที่ใส่รองเท้าขนสัตว์ แถมเลี้ยงแมวไว้อีกหลายตัว แต่ยังไม่ทันที่จะได้หายงุนงง เสียงแหบชราแต่ทรงอำนาจและใจดีก็ทำให้เธอต้องปวดหัวและคิดว่าตัวเองคงฝันไปแน่ๆ
ดัมเบิลดอร์..
ใช่ ดัมเบิลดอร์ พ่อมดที่ยิ่งใหญ่จากวรรณกรรมเรื่องโปรดกำลังนั่งจิบชาอยู่ที่เก้าอี้ไม้ตัวเล็กตรงมุมห้อง
“สายัณห์สวัสดิ์หนูน้อย”
เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสบาย
มุมปากยกยิ้มที่ดูใจดี
“คุณ เอ่อ คุณมาที่นี่ได้ยังไง” เฟริน่าถาม
เธอละสายตาจากมือและแขนที่กลับมาเล็กของเด็กแปดขวบไปที่ชายชราอย่างสงสัย
“ฉันคิดว่า
ฉันควรถามเธอมากกว่านะ
ว่าเธอมาจากไหน”
ดัมเบิลดอร์ถาม แววตาสีฟ้าใสที่มักฉายประกายหยั่งรู้เสมอ แต่ในยามนี้กลับมองเธอด้วยความอยากรู้ระคนสนใจ “การเดินทางด้วยเวทมนต์โบราณ.. เธอทำได้ยังไง”
“หนูเปล่าทำนะคะ”
เธอตอบเขา
เริ่มไม่แน่ใจว่าเธอฝันไปหรือนี่คือเรื่องจริง ดัมเบิลดอร์จิบชาอีกสักเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยอย่างเบิกบาน
ราวกับคำตอบของเธอที่ไม่ช่วยให้กระจ่างนั้น ทำให้เขาได้คำตอบแล้วเสียอย่างนั้น
“งั้นช่วยเล่าช่วงเวลาก่อนที่เธอจะตื่นขึ้น บางทีฉันอาจช่วยเธอได้ ไม่ๆ
ไม่ต้องลุกจากเตียง”
เขารีบยกมือห้ามเธอ “ถ้าเธอหิว บางทีฉันอาจจะบอกมิสซิสฟิกช่วยหาอะไรให้เธอกินก่อนเธอจะเล่าเรื่องทั้งหมด”
_________________________________
“ไม่ค่ะ! หนูไม่ขอเกี่ยวข้องอะไรทั้งนั้น ศาสตราจารย์ ในเมื่อคุณรู้เนื้อเรื่องทั้งหมดแล้ว หนูขออยู่ห่างๆ” เฟริน่าค้านเสียงดัง เมื่อดัมเบิลดอร์เสนอให้เธอช่วยเหลือแฮร์รี่ ใช่ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ตัวละครตัวโปรดของเธอ แต่เธอไม่ขอช่วยใครอีก ไม่อีกแล้ว.. ถ้าช่วยใครแล้วทำให้ใครหรือตัวเองเดือดร้อน แถมเธอยังต้องตาย เพราะการกระทำเหล่านั้น เธอไม่ขอใจดีช่วยใครอีกตลอดชีวิต
ดัมเบิลดอร์หัวเราะเสียงค่อย
เหมือนเขาเพิ่งฟังเรื่องขำขันเล็กๆยามบ่าย
“ก็ได้ ฉันจะไม่บังคับ” ชายชรายกยิ้ม
ดวงตาสีฟ้าใสฉายประกายบางอย่างที่ทำให้เฟริน่ารู้สึกไม่ไว้วางใจ เหมือนพ่อมดตรงหน้าจะมีแผนการบางอย่างกับเธอ เด็กกำพร้าที่อยู่ในร่างแปดขวบหรี่ตามองศาสตราจารย์เคราสีเงิน
“คุณสัญญาแล้วนะคะศาสตราจารย์
ว่าคุณจะไม่บังคับให้หนูเข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับแฮร์รี่ทั้งนั้น ไม่เกี่ยวเลยสักนิดเดียว” เธอย้ำถามให้แน่ใจ ดัมเบิลดอร์หยิบคุกกี้ในจานขึ้นมาพินิจ ก่อนจะใส่ปาก
ชายชราไม่ตอบ เขาหลับตาลงทำสีหน้าดื่มด่ำกับคุกกี้ที่กำลังละลายอยู่ในปากอย่างสบายใจ มีเสียงฮึมฮัมเป็นเพลงเบาๆรอดออกมา และเมื่อเขาลืมตาขึ้น เขาก็เลื่อนจานคุกกี้ให้เธอ
“เธอน่าจะลองกินดูสักชิ้นนะเฟริน่า
ฉันกล้ายืนยันได้เลยว่าคุกกี้ของมิสซิสฟิกคราวนี้รสชาติกลมกล่อมเข้ากันได้ดีกับชายามบ่ายจริงๆ” ดวงตาสีฟ้าใสฉายประกายอารมณ์ดีอย่างปิดไม่มิด
“คุณจะสัญญากับหนูใช่มั้ยคะ ศาตราจารย์อัสบัส เพอร์ซิวาล
วูลฟริก ไบรอัน ดัมเบิลดอร์” เด็กหญิงผมสีน้ำตาลสว่างย้ำถามอีกครั้ง
เธอหยิบคุกกี้ขึ้นมาแต่ยังไม่กล้ากินมันเข้า เพราะกลัวอีกฝ่ายจะเสกอะไรให้เธอกิน ดัมเบิลดอร์หัวเราะเบาๆ
“ก็ได้ ฉันสัญญาว่าฉันจะไม่บังคับเธอ” เขายอมตอบตกลงแต่โดยดี เฟริน่าผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก ตอนนี้เธอได้หลักประกันแล้ว หลักประกันที่ว่าชีวิตที่สองของเธอ –
ถึงมันจะบ้ามากที่หลงเข้ามาอยู่ในวรรณกรรมเรื่องโปรด- จะปลอดภัยจนเธอมีงานทำ ใช้ชีวิตมักเกิ้ลอย่างสบายๆ และได้อยู่ห่างจากแฮร์รี่ที่จะทำให้ชีวิตตัวประกอบอย่างเธอเสี่ยงต่อการถูกปลิดทิ้งอย่างง่ายดายให้มากที่สุด
“เรายังมีเรื่องสำคัญที่ต้องตกลงกันอีกเรื่อง” ดัมเบิลดอร์เอ่ยเป็นงานเป็นการมากขึ้น เฟริน่าขมวดคิ้ว เธอเห็นชายชรากระดกไม้กายสิทธิ์ เอกสารสองถึงสามแผ่นก็ร่อนเบาๆลงบนโต๊ะ
“มันคืออะไรคะ”
เธอถามอย่างอยากรู้
และเมื่อเธออ่านข้อความบนนั้น
ดวงตาสีฟ้าอมเขียวก็ตวัดขึ้นมามองชายชราตรงหน้า
“เธอบอกฉันว่าเธออยากใช้ชีวิตมักเกิ้ล ปกติพวกมักเกิ้ลก็ต้องเรียนเหมือนกัน พอเรียนจบก็ได้ทำงานในอาชีพที่เธอต้องการ
ฉันแน่ใจว่าเธอคงต้องเริ่มเข้าเรียนเสียตั้งแต่ตอนนี้” ดัมเบิลดอร์พูด “ฉันยินดีที่จะอุปการะเธอ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้ให้ในสิ่งที่ฉันขอก็ตาม” เขาพูดอย่างใจดีที่ทำให้เฟริน่ารู้สึกละอาย แต่ในเมื่อเธอเลือกแล้ว เธอจะไม่ยอมเปลี่ยนใจ
“ขอบคุณค่ะศาสตราจารย์
แต่หนูไม่เปลี่ยนใจหรอกนะคะ”
เธอย้ำอีกครั้งในตอนท้าย
ดัมเบิลดอร์ไม่ตอบอะไร
ดวงตาสีฟ้าใสฉายประกายระยิบระยับบางอย่างระหว่างที่มองเด็กหญิงจดจ่อกับเอกสารการสมัครเข้าเรียนโรงเรียนมักเกิ้ลแห่งหนึ่ง
ฉันน่าจะรู้ว่ามันเป็นกับดัก! เฟริน่าคิดอย่างหงุดหงิด
สายตาของเธอละจากดวงตาสีเขียวใสที่นั่งอยู่หลังห้องเรียน ไปมองทางอื่น
“คุณโพสัน
ที่นั่งข้างคุณพอตเตอร์ยังว่างอยู่
ตรงนั้นจะเป็นที่ประจำของคุณ”
คุณครูแอนเดอสันพูดกับเธออย่างใจดี
เฟริน่าจำใจต้องเดินไปทิ้งตัวลงนั่งโต๊ะตัวนั้น ตรงที่ที่ใกล้กับเด็กชายผมยุ่งสีดำสวมแว่นกลมซึ่งกำลังมองเธออย่างอยากรู้
“สวัสดี”
เสียงเด็กชายข้างๆเธอทักเสียงค่อย
แต่เมื่อเขาเห็นว่าเธอไม่ตอบและไม่ได้หันมามอง เขาจึงไม่กล้าคุยกับเธออีก
แฮร์รี่ไม่เข้าใจเด็กผู้หญิงประหลาดที่เพิ่งย้ายมาใหม่เลย เธอทำราวกับรังเกียจเขา เธอแสดงออกชัดเจนมากว่าเธอไม่อยากรู้จัก และแฮร์รี่ก็เรียนรู้ที่จะอยู่เงียบๆ
เขาชินเสียแล้วกับการที่ไม่มีใครอยากเป็นเพื่อน
สาเหตุหลักๆไม่ใช่เพราะเขาสวมแว่นแตกๆหักๆที่มีสล๊อตเทปแปะไปทั่ว แต่สาเหตุที่แท้จริงมาจากดัดลีย์ เดอร์สลีย์
ญาติลูกพี่ลูกน้องของเขาต่างหาก
ใครๆก็กลัวดัดลีย์และแก๊งเด็กเกเรของเขา
ไม่มีเด็กคนไหนอยากมีปัญหา ทุกคนจึงเลือกที่จะเลี่ยงแฮร์รี่ พอตเตอร์
เด็กชายที่มักเป็นกระสอบทรายและลูกไล่ของดัดลีย์
แต่.. เด็กผู้หญิงคนนั้น คนที่มีผมสีน้ำตาลสว่าง กับดวงตาสีฟ้าอมเขียว เธอจะน่ารักกว่านี้มาก ถ้าเธอไม่ทำสีหน้าเฉยเมยใส่เขา หรือทำราวกับเขาเป็นธาตุอากาศ แต่เธอกลับให้เขายืมใช้สีช๊อกในชั่วโมงศิลปะ
“นายยังคิดว่าตัวเองจะใช้เศษผงพวกนั้นทำงานศิลปะได้หรือไง” เธอเลื่อนสายตามองกลุ่มเศษสีช๊อกหลายสีป่นรวมกันที่แฮร์รี่หยิบออกมาจากถุง แน่ล่ะ
ตอนแรกสีช๊อกมันไม่เละแบบนี้
แต่คนที่ทำให้มันกลายเป็นแบบนี้คือดัดลีย์
ลูกพี่ลูกน้องเขาพยายามทำให้พ่อแม่ภูมิใจให้มากที่สุดด้วยการทำให้แฮร์รี่ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก และทันทีที่รู้ว่าวันนี้ในคาบเรียนศิลปะแฮร์รี่ต้องใช้สีช๊อก ดัดลีย์ก็ไม่ลืมที่จะทำให้มันเป็นผุยผง เพื่อให้แฮร์รี่ไม่มีงานส่งครู
เด็กชายผมยุ่งมองเด็กหญิงที่ปกติไม่เคยคุยกับเขาเลยอย่างประหลาดใจ
เขามองสีช๊อกใหม่เอี่ยมที่อีกฝ่ายเลื่อนมาวางบนโต๊ะให้อย่างลังเลใจ และชำเลืองมองไปที่กระดาษที่เธอยังระบายสีไม่เสร็จ
“เธอไม่ต้องใช้มันหรือไง” แฮร์รี่ถามอย่างไม่แน่ใจระคนประหม่า
รู้สึกอับอายที่เพื่อนร่วมชั้นมาเห็นสภาพอันย่อยยับของสีช๊อก
“เราแบ่งกันใช้ได้
และคราวหน้าคราวหลัง
หัดเก็บสีช๊อกให้พ้นมืออ้วนๆของเจ้าหมูดัดลีย์ซะ ถ้านายไม่อยากให้มันอยู่ในสภาพนี้อีก” คำพูดของเธอทำให้เด็กชายหัวแผลเป็นเบิกตาโต
“เธอรู้ด้วยหรือว่าเป็นเพราะดัดลีย์”
แฮร์รี่แน่ใจว่าเขาไม่ได้บอกใคร
แต่ทำไมเด็กหญิงคนนี้ถึงรู้
เธอไม่ตอบอะไร แต่หันไประบายสีต่อ แฮร์รี่กล่าวขอบคุณเบาๆ และเลิกถามเธอ
ถ้าเขายังอยากมีงานศิลปะส่งครู..
ฉันบอกกับตัวเองว่าจะไม่สนใจ
จะไม่มีวันสนใจแฮร์รี่ พอตเตอร์อีก!
ไม่มีวัน!
เธอคิดอย่างรำคาญตัวเอง
แต่เมื่อเห็นเด็กชายร่างผอมที่กำลังถูกดัดลีย์เจ้าเด็กเกเรและผองเพื่อนกำลังรุมอัด ทำราวกับแฮร์รี่เป็นกระสอบทราย
จากที่คิดว่าจะแกล้งทำเป็นไม่เห็นและเดินผ่านเลยไป
ในที่สุดสองเท้าเล็กๆของเธอก็ต้องเดินย้อนกลับมาจนได้
“ครูมา! แย่แล้ว!
ครูกำลังมาทางนี้!”
เสียงตะโกนแหลมเล็กๆของเธอช่วยให้แก๊งเด็กงี่เง่าสมองกลวงรีบพากันหนี
ปล่อยทิ้งร่างผอมแห้งของเด็กชายผมยุ่งสีดำที่ตอนนี้เลือดกำเดาไหลเปรอะหน้ากองอยู่ที่พื้นสนาม
แฮร์รี่พยายามใช้แขนเสื้อเช็ดเลือดกำเดาที่ยังไหลไม่หยุด เฟริน่ายัดผ้าเช็ดหน้าใส่มือของเขา
ดวงตาสีเชียวจ้องมองเธออย่างประหลาดใจระคนประหม่า “นายควรไปห้องพยาบาล”
“แต่-“ แฮร์รี่อึกอัก เขากำลังจะปฏิเสธ
“ไปกับฉัน เดี๋ยวนี้!”
เธอดึงข้อมือเขาให้ตามเธอมา
“ไม่ต้องหรอก ฉันไม่เป็นอะไร” เขาพยายามรั้งตัวไว้
“ตอนนี้ครูห้องพยาบาลไม่อยู่
นายสบายใจได้ ครูจะไม่รู้เรื่องนี้” เธอบอกเขา
แฮร์รี่มองเธออย่างประหลาดใจอีกครั้ง
ระหว่างนั้นเขาใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเลือดกำเดาที่ยังคงไหลไม่หยุดไปตลอดทาง และเมื่อเข้าไปในห้องพยาบาล
เฟริน่าก็ปีนขึ้นไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลทันที
“เธอรู้ได้ยังไงว่าฉัน
ว่าฉัน-“
แฮร์รี่เริ่มอักอัก เขายอมปล่อยให้เธอห้ามเลือดกำเดาทันที เมื่อเห็นสายตาโกรธเกรี้ยวของเธอ
“ฉันรู้ได้ไงว่านายไม่อยากให้พวกครูรู้น่ะหรอ เฮอะ”
เธอทำเสียงดูถูก “พวกครูรู้ แต่นายก็ยังเป็นกระสอบทรายมาจนบัดนี้ แค่นี้ฉันก็เดาได้ไม่ยากว่าเกิดอะไรขึ้นต่อจากที่พวกครูรู้” เธอพูด
แฮร์รี่มองเธอราวกับเขาไม่เคยเห็นสิ่งอัศจรรย์มาก่อน “พวกนั้นก็กลับมาเล่นงานนายใหม่ แถมเล่นงานหนักกว่าเดิมด้วย ฉันพูดถูกรึเปล่า พวกเด็กเกเรมันก็มีอยู่แค่นี้แหละ”
“ขอบใจนะ”
แฮร์รี่จับจมูกตัวเองที่เลือดกำเดาหยุดไหลแล้ว
เขามองตามเด็กหญิงที่ปีนเก้าอี้เก็บกล่องปฐมพยาบาล เฟริน่าไม่ได้สนใจที่จะตอบเขา เธออยากรีบไปให้พ้นๆ
ก่อนที่นิสัยชอบช่วยเหลือคนจะทำให้เธอใจอ่อนกับแฮร์รี่อีก แต่เมื่อมือเล็กๆของเธอแตะลูกบิด เสียงโพล่งของเด็กชายก็ดังขึ้น “เรามาเป็นเพื่อนกันได้มั้ย!”
เฟริน่าหยุดมือที่กำลังหมุนลูกบิด
เธอหันมามองหน้าเด็กชายแว่นกลมที่ตอนนี้ใบหน้าเริ่มเป็นสีชมพู เขามองเธออย่างประหม่า
“ฉันอยากเป็นเพื่อนกับเธอ
เราเป็นเพื่อนกันได้มั้ย”
“ทำไมนายถึงอยากเป็นเพื่อนกับฉันล่ะ” เธอถาม
เฟริน่าอยากรู้จริงๆ
บางทีเธออาจเอาเหตุผลของแฮร์รี่มาชั่งน้ำหนักว่าเธอควรตอบรับมิตรภาพนี้หรือเปล่า
“ก็เธอใจดี
ถึงเธอจะทำเหมือนว่าเธอไม่ชอบฉัน
แต่จริงๆแล้วเธอใจดี
แล้วฉันก็อยากเป็นเพื่อนกับเธอ”
คำตอบอันใสซื่อกับดวงตาสีเขียวที่รอฟังคำตอบของเธออย่างคาดหวัง ทำให้หัวใจเฟริน่าอ่อนยวบลงอย่างช้าๆ เธอยังคงเงียบไม่ตอบ ใจในกำลังคิดพิจารณาอย่างหนัก
ดัมเบิลดอร์ไม่ได้บังคับเธอเลย
เด็กหญิงคิด เธอรู้สึกว่าตัวเองงี่เง่าที่กำลังกลืนน้ำลายตัวเอง เธอสาบานว่าจะไม่ยอมเกี่ยวข้องกับแฮร์รี่ แต่ทุกครั้งเธอก็พาตัวเองมาช่วยเขาจากสถานการณ์แย่ๆเอง นิสัยชอบช่วยเหลือคนอื่น นิสัยที่แก้ไม่หายต่อให้ได้ชีวิตที่สอง แต่ลึกๆแล้วเธอไม่ยอมรับว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเพราะเธอ ส่วนหนึ่ง เป็นเพราะดัมเบิลดอร์สร้างสถานการณ์ให้เธอต้องมาพัวพันต่างหาก เฟริน่ามั่นใจว่านี่เป็นแผนการของพ่อมดผู้ยิ่งใหญ่และแสนฉลาด เขาตั้งใจให้เธอมาเรียนที่เดียวกัน ห้องเดียวกัน
และนั่งข้างแฮร์รี่ชัดๆ เพื่อให้เธอกลืนน้ำลายตัวเองโดยที่เขาไม่ได้ผิดสัญญาอะไรเลย
“ก็ได้” เธอตอบในที่สุด แฮร์รี่ยิ้มกว้าง มันเป็นรอยยิ้มของเด็กชายหัวแผลเป็นที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนนับแต่วันแรกที่เธอเข้ามาเรียนที่นี่ เธอคิดว่าเธอทำถูกแล้ว ทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันก็แค่มิตรภาพในฐานะมักเกิ้ลคนหนึ่ง เธอไม่จำเป็นต้องเสี่ยงอันตรายไปกับแฮร์รี่ที่ต้องทำลายโวลเดอมอร์ เธอจะไม่ต้องตายเพราะโวลเดอมอร์หรือผู้เสพความตาย เธอจะมีความสุขที่เรียบง่ายในฐานะเพื่อนมักเกิ้ลคนหนึ่งของแฮร์รี่เท่านั้น และเธอแน่ใจว่าดัมเบิลดอร์ไม่มีทางที่จะทำให้ชีวิตมักเกิ้ลของเธอต้องพัวพันไปกับแฮร์รี่มากกว่านี้อย่างแน่นอน
_________________________________________________________________________________________________________
**เรื่องนี้เป็นฟิคที่แต่งขึ้นเพื่อความสุขและความสนุกสนานส่วนตัวเท่านั้น ไม่ได้ทำเพื่อการค้าแต่อย่างใด ตัวละครทั้งหมดเป็นของเจเค โรว์ลิ่งแต่เพียงผู้เดียว นอกจากตัวละคร OC บางตัวที่ผู้เขียนสร้างขึ้นมาเอง** ขอให้ผู้อ่านมีความสุขค่ะ
สวัสดีค่ะผู้อ่านที่น่ารักทุกคน เปิดอินโทรมาให้อ่าน เป็นอินโทรที่พยายามให้สั้นที่สุดแล้วนะ ใครถามหาเดรโก มัลฟอยนี่ต้องรออ่านในตอนค่ะ 5555 ไม่สามารถเอาเดรโกมาใส่ในอินโทรได้จริงๆ เขาค่าตัวแพง ไม่ใช่ละ ไม่งั้นเนื้อเรื่องมันจะเดาได้ง่าย บอกไว้ก่อนว่าเนื้อจะตรงตามหนังสือบ้างไม่ตรงบ้างนะคะ อาศัยจากจินตนาการเพื่อความสุขของคนอ่านค่ะ ส่วนคาแรกเตอร์ตัวละคร ไรท์ขอละไม่ใส่รูปภาพประกอบใดๆทั้งสิ้นนะคะ ตัวละคร OC ของไรท์ ขออนุญาตใช้บรรยาย เพื่อไม่จำกัดขอบเขตการจินตนาการของผู้อ่านทุกคนค่ะ ส่วนตัวละครเดิมหลักๆ ทุกคนก็คงเห็นหน้าค่าตากันอยู่แล้ว เลยไม่รู้จะใส่ทำไมอีก เอาเป็นว่าจะพยายามขยันอัพบ่อยๆเมื่อมีโอกาสนะคะ ถ้าไม่ติดงานหรือธุระอะไรซะก่อน อาจมีดราม่าเล็กๆ ฟินๆ หยอดๆแทรกอยู่ในเรื่องแน่นอนค่ะ แต่คงพัฒนาไปตามอายุของตัวละครแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่หวือหวาหรือมีฉากติดเรท อยากให้มันคงเดิมๆไว้ จะพยายามรักษาสำนวนภาษาแบบที่อ่านในอินโทรนะคะ เพื่อไม่ให้เสียอรรถรสในการอ่าน ฝากเม้นและกดติดตามกันด้วยนะคะ อยากรู้ว่าอ่านอินโทรแล้วเป็นยังไงกันบ้าง ตอนที่ 1 และตอนต่อๆไปจะตามมาในไม่ช้า
ผลงานอื่นๆ ของ StarCat, ลำนำ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ StarCat, ลำนำ
ความคิดเห็น